เจ้าหญิงวิกตอเรียแห่งเอดินเบอระและแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (วิกตอเรีย เมลิตา; 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2419 - 2 มีนาคม พ.ศ. 2479) ทรงเป็นสมาชิกในพระราชวงศ์อังกฤษ โดยเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย เจ้าหญิงได้ทรงดำรงพระอิสริยยศทั้ง แกรนด์ดัชเชสพระชายาแห่งเฮสส์ (พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2444) และ แกรนด์ดัชเชสวิกตอเรีย เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย (พ.ศ. 2448 - พ.ศ. 2460)
เจ้าหญิงวิกตอเรียได้ทรงสร้างความอื้อฉาวให้กับราชวงศ์ยุโรปด้วยการหย่าร้างและอภิเษกสมรสอีกครั้งในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
เจ้าหญิงวิกตอเรียประสูติในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2419 ณ พระราชวังซานอันโตนิโอ ประเทศมอลตา จึงมีพระนามว่า เมลิตา พระชนกซึ่งทรงประจำอยู่ที่นั่นในฐานะทหารแห่งราชนาวีคือ สมเด็จเจ้าฟ้าชายอัลเฟรด ดยุคแห่งเอดินบะระ พระราชโอรสองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย และ เจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา ส่วนพระชนนีของพระองค์คือ แกรนด์ดัชเชสมารี อเล็กซานดรอฟนาแห่งรัสเซีย พระราชธิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 แห่งรัสเซีย และ เจ้าหญิงมารีแห่งเฮสส์และไรน์ ซึ่งเป็นพระจักรพรรดินีมเหสีพระองค์แรก ในฐานะที่เป็นพระราชนัดดาในองค์ประมุขแห่งอังกฤษ เจ้าหญิงทรงดำรงพระอิสริยยศเจ้าฟ้าหญิงวิกตอเรียแห่งเอดินเบอระ พระองค์มีพระนามเรียกกันแบบเล่นๆ ในหมู่พระราชวงศ์ว่า "ดัคกี้" เมื่อตอนประสูติ เจ้าหญิงทรงอยู่ในลำดับที่ 10 ของลำดับการสืบราชบัลลังก์อังกฤษ
ในฐานะที่เป็นพระโอรสในเจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา พระชนกในเจ้าหญิงทรงอยู่ในลำดับการสืบราชบัลลังก์รัฐดยุคครองนครแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา เจ้าชายอัลเฟรดทรงเป็นรัชทายาทที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ในบัลลังก์แห่งรัฐดยุคนี้เมื่อเจ้าชายแห่งเวลส์ (หรือ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7) พระเชษฐาและพระปิตุลาในเจ้าหญิงวิกตอเรีย ทรงสละราชสิทธิ์การในการสืบทอดบัลลังก์ ดังนั้นครอบครัวทั้งหมดจึงได้ย้ายไปเมื่อเมืองโคบูร์ก ประเทศเยอรมนีเมื่อปี พ.ศ. 2432
ในปี พ.ศ. 2434 เจ้าหญิงโดยเสด็จพระชนนีไปที่งานพระศพของแกรนด์ดัชเชสอเล็กซานดรา จอร์จิเยฟนา พระชายาในแกรนด์ดยุคพอล อเล็กซานโดรวิช พระอนุชาในพระชนนี พระองค์ทรงได้พบกับแกรนด์ดยุคคิริล วลาดิมิโรวิช พระญาติฝ่ายพระชนนี แม้ว่าทั้งสองพระองค์จะทรงรู้สึกต้องพระทัยกันมาก พระชนนีของเจ้าหญิงทรงไม่เต็มใจจะอนุญาตให้ทั้งสองอภิเษกสมรสกันเนื่องจากศาสนจักรออร์โธด็อกซ์รัสเซียได้ห้ามไม่ให้พระญาติสนิทที่พระชนกและชนนีเป็นพี่น้องกันอภิเษกสมรสกันเอง
หลังจากที่เจ้าหญิงมารี พระภคินีได้อภิเษกสมรสไปกับมกุฎราชกุมารเฟอร์ดินานด์แห่งโรมาเนีย การเสาะหาพระสวามีที่เหมาะสมให้กับเจ้าหญิงวิกตอเรียก็ได้เริ่มขึ้น สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงสังเกตเห็นว่าเจ้าหญิงทรงเข้าได้ดีกับเจ้าชายแอร์นส์ ลุดวิกแห่งเฮสส์และไรน์ พระญาติทางฝ่ายพระชนก รัชทายาทในบัลลังก์รัฐแกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์ พระโอรสในเจ้าฟ้าหญิงอลิซ แกรนด์ดัชเชสพระชายาแห่งเฮสส์ พระราชธิดาพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย
สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียมีพระประสงค์จะให้พระราชนัดดาทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสกัน พระชนนีของเจ้าหญิงทรงกระตือรือร้นกับการอภิเษกอันเหมาะสมนี้อยู่ไม่น้อย เนื่องจากพระชนนีในพระองค์เองทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งเฮสส์เช่นกัน แต่กระนั้นทั้งเจ้าหญิงวิกตอเรียและเจ้าชายแอร์นส์ไม่ได้ทรงเต็มใจจะอภิเษกสมรสกัน เจ้าหญิงได้ทรงพบกับแกรนด์ดยุคคิริลอีกครั้งที่กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและทรงหมั้นหมายกันอย่างลับๆ
ในที่สุดทั้งเจ้าหญิงวิกตอเรียและเจ้าชายแอร์นส์ก็ทรงจำนนต่อความกดดันจากทางพระราชวงศ์และได้อภิเษกสมรสกันเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2437 ณ ปราสาทเอห์เร็นบูร์ก ในเมืองโคบูร์ก งานอภิเษกสมรสเป็นงานพิธีใหญ่โตที่มีพระราชวงศ์ต่างๆ ทั่วทั้งทวีปยุโรปมาร่วมเป็นสักขีพยานมากมาย เจ้าหญิงจึงทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น แกรนด์ดัชเชสพระชายาแห่งเฮสส์ ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสและธิดา 2 พระองค์คือ
ชีวิตสมรสของทั้งสองพระองค์ไมมีความสุขเลย เจ้าหญิงทรงสิ้นหวังกับการขาดความรักที่มีต่อพระองค์จากพระสวามีเป็นอันมาก ขณะเสด็จไปร่วมในงาน พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย ความปรารถนาของเจ้าหญิงต่อแกรนด์ดยุคคิริลก็ได้ลุกโชนขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ชีวิตสมรสของทั้งสองพระองค์สิ้นสุดลงเมื่อปี พ.ศ. 2440 เมื่อเจ้าหญิงกล่าวอ้างว่าพระสวามีทรงเป็นพวกรักร่วมเพศ ตามคำกล่าวของเจ้าหญิงนั้นเมื่อเสด็จกลับมาจากการเยี่ยมพระภคินีที่ประเทศโรมาเนีย ทรงจับได้ว่าพระสวามีทรงกำลังหลับนอนอยู่กับข้าราชบริพารคนหนึ่ง ความพยายามในการประนีประนอมต่างๆ ล้มเหลวและศาลสูงสุดของเฮสส์ได้พิพากษาให้การอภิเษกสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2444 การหย่าร้างของแกรนด์ดยุคและแกรนด์ดัชเชสแห่งเฮสส์สร้างความอื้อฉาวไปทั่วทั้งราชวงศ์ยุโรป หลังที่ทรงหย่าขาดแล้ว เจ้าหญิงได้เสด็จไปประทับกับพระชนนีที่พระตำหนักในริเวียร่าของฝรั่งเศส
แกรนด์ดยุคคิริลซึ่งทรงเป็นรักแรกของเจ้าหญิงวิกตอเรียทรงรู้สึกอดสูพระทัยกับการหย่าร้างของทั้งสองพระองค์ด้วย สมเด็จพระจักรพรรดินีอเล็กซานดรา พระกนิษฐาในเจ้าชายแอร์นส์ ทรงเกลี้ยกล่อมให้สมเด็จพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่ 2 พระราชสวามีส่งแกรนด์ดยุคไปยังตะวันออกไกล ต่อมาในสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น ปี พ.ศ. 2447 พระองค์ทรงรอดชีวิตกลับมากับกองทัพเรือรัสเซีย เสด็จมาถึงกรุงมอสโกในฐานะวีรบุรุษ สมเด็จพระเจ้าซาร์จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แกรนด์ดยุคเสด็จออกจากรัสเซียเพื่อเสด็จไปหาเจ้าหญิงวิกตอเรียที่เมืองโคบูร์ก
ทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2448 ณ เมืองเทแกร์นซี เป็นพิธีแบบเรียบง่ายโดยไม่มีพระราชวงศ์อื่นๆ จากยุโรปมาร่วมพิธี สมเด็จพระเจ้าซาร์ทรงตอบสนองการอภิเษกสมรสครั้งนี้ด้วยการงดเบี้ยหวัดแก่แกรนด์ดยุคและปลดพระองค์ออกจากราชนาวีแห่งรัสเซีย ทั้งสองพระองค์เสด็จไปประทับที่กรุงปารีส ซึ่งได้ทรงซื้อบ้านหลังหนึ่งใกล้กับถนนช็องส์-เอลิเซ่ส์
สมเด็จพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่ 2 ทรงถูกบีบบังคับให้คืนฐานันดรศักดิ์แก่แกรนด์ดยุคคิริลหลังจากการสูญเสียสมาชิกในพระราชวงศ์รัสเซีย จึงทำให้ทรงอยู่ในลำดับที่ 3 ของสายการสืบราชบัลลังก์รัสเซีย ทั้งแกรนด์ดยุคและเจ้าหญิงวิกตอเรียเสด็จนิวัติรัสเซีย โดยเจ้าหญิงทรงได้รับพระราชทานพระราชอิสริยยศเป็น แกรนด์ดัชเชสแห่งรัสเซีย
หลังจากการปฏิวัติรัสเซียปี พ.ศ. 2460 แกรนด์ดยุคคิริลและเจ้าหญิงวิกตอเรียเสด็จลี้ภัยไปยังประเทศฟินแลนด์ แล้วไปยังเมืองโคบูร์ก ประเทศเยอรมนี ต่อมาทั้งครอบครัวที่ลี้ภัยมาก็ได้ย้ายไปยังเมืองแซ็งต์บริยัก ประเทศฝรั่งเศส ที่ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้ทรงประทับอยู่จนตลอดช่วงพระชนม์ชีพ ในระยะเวลาที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศเยอรมนี เจ้าหญิงวิกตอเรียทรงชื่นชมพรรคนาซีเป็นอย่างมาก
เจ้าหญิงวิกตอเรียสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2479 โดยพระศพถูกฝังอยู่ ณ สุสานหลวงในเมืองโคบูร์ก
ภายหลังจากปี พ.ศ. 2460 เจ้าหญิงวิกตอเรียทรงเรียกแทนพระองค์เองว่า วิกตอเรีย เฟโอโดรอฟนา พระองค์ยังคงทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ ชั้นเจ้าฟ้า และยังคงอยู่ในลำดับสายการสืบราชบัลลังก์อังกฤษอีกด้วย
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าหญิงวิกตอเรีย_เมลิตาแห่งซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา